อยากเริ่มต้นทำค้าขายธุรกิจออนไลน์ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นหาวิธีหาลูกค้าใหม่ ๆ จากไหนมาเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าออนไลน์ของคุณ นี่เลยรวมเทรนด์ 25 วิธีหาลูกค้าออนไลน์สำหรับขายของออนไลน์ในยุคปัจจุบันที่พ่อค้าแม่ค้าทั้งหลาย ไม่ควรพลาดเคล็ดลับเด็ด ๆ เหล่านี้ รับรองลูกค้าเข้ากรูแน่นอน
1. สร้าง Sale page เป็นเว็บขายของออนไลน์โดยเฉพาะ
Sale page คืออะไร ทำไมพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ในยุคขายของสินค้าบริการยุคปัจจุบันต้องมี เว็บไซต์สำเร็จรูปนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจออนไลน์ด้วย เพราะ sale page คือ กลยุทธ์การหาลูกค้าใหม่จากการนำเสนอการซื้อ-ขายที่ตรงจุด เพราะ sale page เป็นเว็บไซต์หน้าเดียว ตัวช่วยสำคัญในการยิงแอดให้ประสบความสำเร็จมากที่สุด ที่นำเสนอสินค้าและบริการอย่างครบวงจร ทั้งฟังก์ชันปุ่ม CTAs ที่ลูกค้าสามารถระบุเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ รูปแบบ สีสัน และจำนวนเข้าตระกร้าสินค้าอย่างละเอียด ระบบชำระเงินที่ตอบโจทย์การโอนหลายช่องทาง และระบบยิงแอดโปรโมทสินค้าออนไลน์เพื่อเจาะตลาดฐานลูกค้าใหม่ในแพลตฟอร์มอื่นๆด้วยการกดคลิกครั้งเดียวเท่านั้น แค่นี้ก็สามารถเป็นวิธีหาลูกค้าใหม่จาก Social media ช่องอื่นได้ง่ายๆ การสร้าง sale page จากเว็บไซต์สำเร็จรูปสะดวกการใช้งานแก่ผู้ใช้ เพราะพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์สามารถทำ sale page นอกจอคอมพิวเตอร์ได้ และเป็นมิตรกับผู้เข้าชมด้วยระบบรองรับการใช้งานจากอุปกรณ์ทัชสกีนได้ทุกรุ่น
อ่านเพิ่มเติม : Sale page คืออะไร
2. ทำ SEO กระตุ้นเว็บไซต์ติดหน้าแรกของ Google
การทำ SEO (Search Engine Optimization) คือ วิธีหาลูกค้าใหม่ๆจากการเซิร์ดคำค้นหาที่มีคีย์เวิร์ดใกล้เคียงกับเว็บไซต์ธุรกิจออนไลน์ของคุณมากที่สุด เพื่อให้คำเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ถูกค้นพบเป็นลิ้งค์อันดับหนึ่งและติดอันดับหน้าแรกของการเซิร์ดจาก Google โดยวิธีการทำ SEO นั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้ตัวค้นหาจาก รูปภาพ , วิดีโอ แต่วิธีหาลูกค้าออนไลน์ยอดฮิตจาก SEO นั้นคือการใช้เว็บเซิร์ด(Web Search) หาลูกค้าออนไลน์เป็นช่องทางหลัก เพราะวิธีนี้จะช่วยขยายช่องทางการหาลูกใหม่ๆจากการเลือกใช้ คีย์เวิร์ด(Keyword)ต่างๆมาใส่ในเนื้อหาเว็บไซต์ให้ดูธรรมชาติที่สุด เพื่อชิงการเซิร์ดหน้าแรกและลิ้งค์ค้นหาขึ้นอันดับหนึ่งกับ Web Master เจ้าอื่นๆที่แข่งขันเอายอดอันดับจากการใช้ คีย์เวิร์ดเป็นอาวุธมาต่อยอด search engine เช่นกัน การทำ SEO สามารถดึงจำนวนผู้เข้าชมเข้าสู่เว็บไซต์ขายของของคุณได้เป็นจำนวนมากและให้เกิดการเพิ่มยอดขายจากการซื้อ-ขายผ่านเว็บไซต์ให้ได้กำไรในระยะยาว
3. สร้างการตลาดเชิงเนื้อหา(Content Marketing)
อยากหาวิธีการหาลูกค้าใหม่ๆให้เข้ามาทำความรู้จักการมีอยู่ของตัวตนแบรนด์ให้มากขึ้นนั้น การทำตลาดเชิงเนื้อหา(Content Marketing) เป็นอีกหนึ่งเทคนิคขายของออนไลน์ที่จะช่วยทำให้การยิงแอดและคำค้นหาเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายตามโซเชียลมีเดียในช่องทางต่างๆ ที่มีความสนใจคีย์เวิร์ดที่ใกล้เคียงกับตัวสร้าง Blog ภายในเว็บไซต์ของคุณเข้ามาเป็นลูกค้าได้ง่ายๆ ซึ่งการผลิตเนื้อหาที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านนั้น จะเป็นการนำเสนอแบบรูปภาพ , วีดีโอ , Infographic และสื่อนำเสนอลูกเล่นต่างๆ ที่ควรทำโทนเนื้อหาที่มีบุคคลิกในการใช้ภาษาสื่อผู้อ่านให้ใกล้เคียงตัวตนของแบรนด์ สร้างสรรค์เนื้อหาที่ให้ความรู้และเป็นประโยชน์ให้แก่ผู้อ่านในทางเชิงบวก ทำให้เห็นยอดผู้ชมมีส่วนร่วมกับเนื้อหาภายในตัวแบรนด์มากขึ้นและเกิดแรงกระตุ้นจากผู้อ่านกลายเป็นลูกค้าของคุณแล้วถ้าเนื้อหาซื้อใจเหล่าพวกเขาแล้วก็จะเกิดการซื้อ-ขายในที่สุด
4. ทำเนื้อหาติดกระแสด้วย Real-time Content
การทำเนื้อหาเกาะกระแสมาผูกสร้างคอนเทนต์กับแบรนด์ ถือเป็นกลยุทธ์การหาลูกค้าใหม่ในยุคปัจจุบันที่นักการตลาดออนไลน์นิยมเล่นกับสื่อเป็นอย่างมาก เพราะการสร้างคอนเทนต์เกาะกระแสสามารถหาทำจากข่าวกระแสดัง ละครและหนังที่มีบทตราตรึงจนต้องเอามาทำมีม(meme) หรือแม้กระทั่งบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างดารา บล็อกเกอร์ และคนทั่วไปที่มีบทบาทในเหตุการณ์สำคัญ สามารถเป็นเครื่องมือช่วยผูกมัดคอนเทนต์ของแบรนด์เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายรายใหม่ๆหันมาทำความรู้จักตัวตนของแบรนด์พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ได้เป็นจำนวนมาก ข้อควรระวังของการเล่นเนื้อหาติดกระแสนั้น ควรหลีกเลี่ยงการเล่นเทรนที่เป็นประเด็นอ่อนไหวแก่สังคมอีกด้วย ถ้าหากนักการตลาดเอามุขที่เป็นประเด็นนี้มาทำคอนเทนต์ จากที่ได้ยอดกลุ่มเป้าหมายเพิ่มอาจแปรผันให้ถูกมองว่าเป็นแบรนด์ที่ไม่รู้จักกาลเทศะ และอาจโดนผู้ชมแล้วเกิดการต่อต้านและโดนตั้งกระแสแง่ลบต่อแบรนด์ในภายหลัง
5. บริหารความสัมพันธ์ลูกค้าในอนาคตกับการทำ Lead Nurturing
การกระชับความสัมพันธ์กลุ่มเป้าหมาย(Lead Nurturing) ที่มีความสนใจสินค้าและบริการในแบรนด์นั้น สามารถเป็นวิธีหาลูกค้าออนไลน์ด้วยการค้นคว้าข้อมูลจากเส้นทางผู้บริโภค(Customer Journey) ที่สามารถทำได้ด้วยการสร้างแคมเปญและนำเสนอโปรโมชันที่น่าสนใจต้อนรับกลุ่มผู้ชมหน้าใหม่ โดยสื่อการนำเสนอจะเน้นสร้างความตื่นตัวให้ผู้ชมรู้จักตัวตนของแบรนด์ผ่านจาก อีเมลล์ และสื่อโซเชียลมีเดียในแพลตฟอร์มอื่นๆที่พร้อมให้ประสบการณ์ที่ดีให้กันและกัน เมื่อผู้ชมรู้สึกประทับการเชยชมจากการนำเสนอผ่านสื่อจนตกตระกอนความคิดและเกิดภาวะการตัดสินใจใช้บริการแล้วเกิดความประทับใจการใช้งานในภายหลัง ผู้ชมเหล่านี้จะเปลี่ยนจากกลุ่มเป้าหมายแล้วกลายเป็นลูกค้าของพวกคุณ แล้วเกิดภาวะการกลับมาซื้อ-ขายบริการอีกครั้ง และพร้อมที่จะบอกต่อกลุ่มเป้าหมายช่องทางอื่นเข้ามาเป็นลูกค้าใหม่ในอนาคตอีกด้วย วิธีหาลูกค้าออนไลน์รูปแบบนี้นับเป็นโอกาสที่ช่วยสร้างให้ผู้ชมรายอื่นๆ ตัวตนของแบรนด์ได้มากขึ้น
6. Retargeting ด้วยการทำ Cross-selling
การนำเสนอกลุ่มลูกค้าปัจจุบันด้วยการโฆษณาสินค้าที่มีความเกี่ยวข้อง(Cross-selling)กับสิ่งที่ลูกค้ากำลังซื้ออยู่ในระยะเวลาเหมาะสม จะช่วยทำให้เหล่าผู้ขายสามารถโปรโมทสินค้าชิ้นอื่นๆมากระตุ้นให้ลูกค้าเกิดการตัดสินใจเลือกซื้อได้ในภายหลัง ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้ากำลังเลือกซื้อยาสระผมบนเว็บไซต์ขายของออนไลน์ของคุณ ผู้ขายสามารถทำระบบ retargeting ยิงแอดสินค้าที่เกี่ยวข้องกับยาสระผมนั้นอย่างครีมนวดผมมาเสนอการขายให้พวกเขาเลือกเข้าไปในตระกร้าได้ นอกจากจะได้ขายของได้กำไรมากขึ้นแล้ว ยังเป็นวิธีหาลูกค้าออนไลน์รายปัจจุบันให้กลายเป็นลูกค้าขาประจำอีกด้วยเพราะ การนำเสนอสิ่งที่ลูกค้าตามหาในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะจะสร้างความพึงพอใจกับการใช้บริการของแบรนด์คุณแล้วทำให้ผู้ขายเข้าใจความต้องการของลูกค้ามาขึ้นอีกด้วย
7. ลงทุนซื้อโฆษณา Google ads
การลงทุนซื้อโฆษณา Google ads ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีหาลูกค้าออนไลน์ได้รวดเร็ว ประหยัดเวลาการวางแผน เพียงแค่ชำระค่าจ่ายการยิงแอดไปยังแพลตฟอร์มโซเชียลต่างๆ ก็สามารถขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ๆได้ง่ายๆ ไม่ต้องพึ่งพาการค้นคว้าวิธีการตลาดในกาหากลุ่มเป้าหมายเชิงลึก เพียงแค่วางคีย์เวิร์ดที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการของคุณ จะช่วยทำให้ Google ads สามารถตรวจจับคำค้นหาของผู้เซิร์ด ในการนำทางเข้าสู่ลิ้งค์หน้าแรกของ Google อย่างง่ายดาย เพียงเงื่อนไขการขายของออนไลน์นั้น พ่อค้าแม่ค้าจำเป็นต้องตกแต่งทำรูปภาพประกอบโปรโมทสินค้าผ่านการซื้อ Google ads ให้ดูดี เป็นงานกราฟิคที่น่าดึงดูดแก่กับกลุ่มเป้าหมายให้สามารถเกิดความสนใจแล้วนำพาการตัดสินใจซื้อ-ขายได้ในภายหลัง
8. เจาะกลุ่มตลาดแพลตฟอร์มอื่นด้วยการทำ sale page Facebook
Facebook เป็นแอพลิเคชันโซเชียลมีเดียยอดนิยมที่มีผู้ใช้ทั่วโลกเป็นจำนวนมาก ซึ่งตอบโจทย์การใช้ sale page ที่เป็นเว็บไซต์เสนอการซื้อ-ขายโดยตรงให้ถูกนำไปใช้ในแพลตฟอร์มเป็น sale page Facebook รูปภาพฉบับโปรโมทสินค้ารูปเดียวที่เสนอการขายที่น่าดึงดูด พร้อมมีแคปชันชักชวนประกอบการตัดสินใจให้ผู้ชมคลิกปุ่ม CTAs มุมขวาล่าง เพื่อนำทางเข้าสู่เว็บไซต์ sale page หน้าหลักในภายหลัง นอกจากนี้ตัว Facebook มีเครื่องมือการตลาดออนไลน์ที่สำคัญอย่าง Facebook Pixel ที่ช่วยติดตามพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายใน Facebook ที่มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมต่อแบรนด์ของคุณบนแพลตฟอร์มนั้น สามารถรายงานผลประกอบการให้กับระบบหลังบ้านของ sale page เพื่อเป็นข้อมูลชี้วัดที่สำคัญในการโปรโมทสินค้าและบริการกับกลุ่มเป้าหมายในการยิงแอด Facebook ที่แม่นยำยิ่งขึ้น
9. เจาะกลุ่มตลาดแพลตฟอร์มอื่นด้วยการทำ sale page TikTok
การขายของในTikTok เป็นแอพสื่อวิดีโอที่นักการตลาดสามารถตอบโจทย์การหาลูกค้าออนไลน์ด้วยโฆษณาคลิปวิดีโอสั้นๆ ครอบคลุมการนำเสนอเนื้อหาโฆษณาสินค้าและบริการที่สร้างสรรค์ และยังแสดงรูปแบบวิดีโอเป็นภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวได้อย่างสวยงาม และที่สำคัญของการโฆษณา TikTok นั้นตัวแอพลิเคชันมีระบบ TikTok Pixel สำหรับบันทึกข้อมูลผู้ชมที่เข้ามาเยี่ยมมารายงานผลประกอบการให้กับระบบหลังบ้านของเว็บ salepage ทีหลัง โดยตัวชี้วัดผลนี้จะเป็นข้อมูลสำคัญในการพัฒนาวิธียิงแอด TikTok ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและเป็นวิธีหาลูกค้าออนไลน์จากการขยายรากฐานได้ดียิ่งขึ้น
10. ทำโครงการเพื่อสังคม (CSR)
การที่ตัวแบรนด์ของคุณได้ทำกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือสังคม(Corporate Society Responsibility)ไม่ว่าจะเป็น การทำมูลนิธิ การบริจาค และการช่วยเหลือต่างๆเพื่อให้เหล่าผู้รับและองค์กรต่างๆ ได้รับโอกาสให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การทำกิจกรรมเพื่อสังคมนี้จะเป็นตัวบ่งบอกภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูมีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ เป็นแบรนด์ที่ส่งเสริมความรับผิดชองต่อการช่วยเหลือสังคมให้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางเชิงบวก พร้อมเป็นแบรนด์ตัวอย่างที่เป็นแม่แบบของการทำสิ่งที่เป็นประโยชน์เพื่อสังคมส่วนรวม นอกจากนี้การทำกิจกรรมเพื่อสังคมจะช่วยเพิ่มกำไรจากการsตลาดสูงขึ้นในระยะยาวแล้ว ยังทำให้ผู้ชมเห็นตัวตนการกระทำของแบรนด์ในทางภาพลักษณ์ที่ดีจนกระทั่งอยากเป็นลูกค้าใหม่ของแบรนด์เพื่อสนับสนุนการกระทำที่แบรนด์ทำเพื่อสังคมในครั้งต่อๆไป ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและเป็นวิธีหาลูกค้าออนไลน์จากการขยายรากฐานได้ดียิ่งขึ้น
11. วิดีโอมาเกตติ้ง(Video Marketing)
การทำสื่อวิดีโอเป็นส่วนหนึ่งในการทำธุรกิจออนไลน์ ถือเป็นการนำเสนอที่ช่วยให้เหล่าลูกค้าใหม่สามารถมองเห็นรายละเอียดของตัวผลิตภัณฑ์และบริการได้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งการนำเสนอวิดีโอโปรโมทสินค้าและบริการออนไลน์สามารถรังสรรค์คอนเทนต์ของตัวเนื้อหาได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การทำวิดีโอแสดงคอนเทนต์ทางด้าน สาธิตการใช้สินค้าอย่างเป็นลำดับ , วิธีประกอบตัวสินค้าสำหรับการใช้งานภายในที่อยู่อาศัย , การนำเสนอสินค้าและบริการด้วยอารมณ์และความรู้สึกที่สนุกสนาน หรือตัวอย่างคอร์สการใช้บริการในสถานที่นั้นๆมีวิธีอย่างไรตั้งแต่เริ่มต้นจนขั้นตอนสุดท้าย การทำวิดีโอมาเกตติ้งนอกจากเป็นสื่อที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายๆแล้ว หากการทำคอนเทนต์วิดีโอของคุณมีเนื้อหาและการตัดต่อที่สร้างความประทับใจต่อกลุ่มเป้าหมาย จะทำให้พวกเขาอยากติดตามเรื่องราวการนำเสนอแบรนด์ของคุณแล้วกลายเป็นลูกค้าประจำในที่สุด
12. เปิดช่อง Live Streaming ขายของ
การถ่ายทอดสดสำหรับขายของออนไลน์นั้น จะเป็นวิธีหาลูกค้าออนไลน์ใหม่ๆเข้ามามีส่วนร่วมกับการซื้อ-ขายในช่องliveของแบรนด์คุณและหากแรงกระตุ้นการขายของคุณนั้นสร้างความประทับใจแก่กับกลุ่มเป้าหมายนั้น อาจทำให้พวกเขาเหล่านั้นตัดสินใจซื้อ-ขายบริการแล้วกลายเป็นลูกค้าประจำในภายหลังได้ นอกจากนี้การ Live streaming มีฟังก์ชันพิเศษที่อำนวยความสะดวกแก่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์คือการระบุชื่อเฉพาะหรือโค้ดของผลิตภัณฑ์นั้นๆ เพื่อให้ผู้ชมสามารถพิมพ์คอนเฟริมเอาสินค้าได้ ไม่ว่าจะเป็น การพิมพ์ชื่อสินค้าพร้อมกับไซต์ สี และรูปลักษณ์ต่างๆ ก็สามารถระบุไว้ได้หมด ซึ่งหากลูกค้ากรอกชื่อได้ถูกต้อง ตัวระบบแอดมินจะทำการส่งแชทข้อความเพื่อเป็นการยืนยันรายการสินค้าที่สั่งได้ โดยการทำระบบแอดมินนี้ จำเป็นต้องตั้งค่าก่อนที่จะเริ่มเปิดถ่ายทอดสดขายของออนไลน์ซะก่อน เพื่อให้การทำงานเป็นระเบียบและดำเนินการทำงานได้ถึงตอนจบ
13. จ้างพรีเซนเตอร์ (Presenter) เป็นผู้นำเสนอสื่อการขายโฆษณา
วิธีหาลูกค้าใหม่ ๆ ผ่านการโปรโมทสินค้าและบริการผ่านดาวประจำโซเชียลและบุคคลที่มีชื่อเสียงตามแพลตฟอร์มต่างๆอย่าง โฆษณาสื่อดิจิตอล , บิลบอร์ด(Billboard) และอื่นๆ จะช่วยนำเสนอโปรโมทการขายของแบรนด์ของคุณมีน้ำหนัก ดูมีความเชื่อถือ และผู้ชมที่เป็นเหล่าแฟนคลับได้ดูภาพสื่อโฆษณาสินค้าผ่านพวกเขาเหล่านี้ ได้มาทำความรู้จักกับแบรนด์(Awareness) และมีโอกาสที่จะดึงพวกเขาเป็นลูกค้าของคุณได้ในภายหลัง ข้อควรระวังการนำเสนอโฆษณาสินค้าและบริการผ่านพรีเซนเตอร์นั้น ควรเลือกบุคคลไม่มีประวัติภาพจำในแง่เชิงลบของสังคม มีบุกคลิกที่โดดเด่นและมีฐานแฟนคลับเป็นจำนวนมากเพื่อเป็นการสร้างยอดขายให้กับตัวแบรนด์ได้มีประสิทธิภาพ
14. สร้างเว็บ Blog รีวิวเปิดพื้นที่ให้ลูกค้ารีวิว
การออกแบบเว็บไซต์เปิดพื้นที่ให้ลูกค้าประจำมารีวิวสินค้าและบริการนั้น เป็นวิธีหาลูกค้าออนไลน์ที่ใช้ข้อมูลจากบุคคลที่มีประสบการณ์การใช้งาน มาเป็นตัวชี้วัดผลประเมินการเพิ่มศักยภาพผลิตภัณฑ์ของคุณให้ได้รับการปรับปรุงคุณภาพการใช้งานให้ได้ดียิ่งขึ้น และยังเป็นข้อมูลชุดสำคัญสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจแบรนด์ของคุณเพื่อเป็นคะแนนประกอบการตัดสินใจเลือกใช้บริการอีกด้วย การได้รับข้อมูลจากผู้ใช้ที่เป็นลูกค้าตัวจริง จะทำให้ผู้ชมในเว็บไซต์ขายของออนไลน์ของคุณรู้สึกเป็นข้อมูลที่ดูมีความน่าเชื่อถือ เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน และหากรีวิวที่โชว์ช่วยกระตุ้นเป็นแรงบันดาลใจในการเลือกซื้อจะทำให้พวกเขากลายมาเป็นลูกค้าใหม่ และอาจพัฒนาเป็นลูกค้าประจำในอนาคต ถ้าการพัฒนาของสินค้าและบริการแบรนด์ของคุณยังคงคุณภาพที่ดีและหมั่นพัฒนาอยู่เสมอ
15. เลือกเว็บทำเว็บไซต์ sale page ที่มีการทำงานที่เสถียรภาพ
การเริ่มต้นสร้าง sale page สำหรับเป็นช่องทางการเลือกซื้อ-ขายนั้น ควรเลือกบริษัททำเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพความเร็วการแสดงผลหน้าจอได้อย่างเสถียรภาพ และต้องรองรับการใช้งานจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน เพราะการแสดงผลหน้าจอต้องรองรับการใช้งานแก่กลุ่มลูกค้าที่เข้ามากดคลิกในเว็บไซต์อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นแล้วความเร็วของการตอบสนองของตัวเว็บไซต์ sale page เป็นปัจจัยสำคัญที่ควรให้ข้อสำคัญแก่การผู้เข้าชมเป็นอย่างมาก เพราะหากผู้ชมใน sale page ต้องการกดปุ่ม CTAs ในการทำกิจกรรมหน้าถัดไปแล้วตัวตอบสนองของเว็บไซต์มีการทำงานที่ช้าไม่สามารถดำเนินการได้ทันที อาจเป็นปัญหาต่อการใช้งานของผู้ใช้งานแล้วเลิกใช้บริการได้ เลวร้ายสุดอาจเสียฐานลูกค้าใหม่เพราะเหตุจากการสร้างเว็บไซต์ที่ไม่มีประสิทธิภาพการทำงานซะเอง
16. Personalization Marketing
การทำตลาดแบบ Personalization คือการใช้อุปกรณ์การตลาดออนไลน์มาวิเคราะห์ และสังเกตพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายของคุณ โดยเรียบเรียงข้อมูลผู้บริโภคจากการเข้าแอพลิเคชันโซเชียลต่างๆ โดยใช้วงจรเส้นทางผู้บริโภค(Customer Journey) เป็นแหล่งข้อมูลศึกษาเพื่อให้เหล่านักการตลาดสามารถคาดเดาพฤติกรรมการซื้อขายของผู้บริโภค ในการนำเสนอคอนเทนต์สื่อต่างๆให้ถูกชะตากับสิ่งที่ลูกค้าชอบครั้งต่อไป เป็นวิธีหาลูกค้าออนไลน์แบบเสนอสิทธิพิเศษกับลูกค้ารายบุคคลที่ก่อให้เกิดความพึงพอใจจากการเห็นโฆษณาสินค้าและบริการแล้วเกิดการตัดสินใจซื้อ-ขายได้ภายหลัง เพราะการนำเสนอผลิตภัณฑ์แก่กับกลุ่มเป้าหมายที่กำลังใฝ่หาอยู่พอดีนั้น จะทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวแบรนด์แล้วเปลี่ยนใจพวกเขามาเป็นลูกค้าของคุณได้ในที่สุด หากคุณหมั่นทำการตลาด Personalization สม่ำเสมอ รับประกันการสร้างความประทับใจแก่ลูกค้ามรายั่งยืนแน่นอน
17. ส่งข่าวสารเรื่องใหม่ๆของแบรนด์คุณด้วย E-mail Marketing
การเชื้อเชิญกลุ่มเป้าหมายเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ขายของออนไลน์โดยตรงนั้น คุณสามารถออกแบบ Landingpage เป็นโฆษณาชักชวนหาลูกค้าโดยให้กรอกอีเมลล์ เพื่อติดตามข่าวสารแบรนด์ของคุณได้รู้ทันก่อนใคร ไม่ว่าจะเป็นข่าวประชาสัมพันธ์ทางด้าน โปรโมชันประจำเทศกาลต่างๆ กิจกรรมร่วมรับรางวัลสุดพิเศษ หรือคูปองส่วนลดในการซื้อในช่วงระยะเวลานั้นๆ การส่งอีเมลล์ส่วนตัวให้แก่พวกเขาได้รับประสบการณ์ดีๆที่ทางแบรนด์จัดสรนำเสนอสิ่งดีแก่ลูกค้า อาจทำให้พวกเขารู้สีกผูกพันและก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดถึงตัวแบรนด์มากขึ้น และท้ายที่สุดพวกเขาอาจมาเป็นลูกค้าประจำเพื่อมาร่วมกิจกรรมที่ทางแบรนด์จัดไว้ได้ทุกโอกาสได้ เป็นกลยุทธ์การหาลูกค้าใหม่ ๆ ที่ส่งเสริมการซื้อ-ขายที่สร้างสรรค์และยังสร้างความผูกมัดเชื่อใจแก่ตัวลูกค้าและแบรนด์อย่างแน่แฟ้น
18. การตลาดปากต่อปาก (Word of Mouth Marketing)
กลยุทธ์การหาลูกค้าใหม่ โดยใช้วิธีเล่าเรื่องราวสินค้าและบริการแบบปากต่อปากผ่านจากผู้รีวิวที่มีบทบาทในการตัดสินใจซื้อของบุคคลทั่วไป อาจจะเป็น บล็อกเกอร์ ดารา และดาวประจำโซเชียลมีเดีย มาช่วยโปรโมทสินค้าและบริการได้ดีมากกว่าการโฆษณาทั่ว ๆ ไป การรีวิวแบบเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาจะช่วยให้ผู้คนที่ติดตามบุคคลที่มีชื่อเสียงเหล่านี้ เกิดการแสดงความคิดภาพลักษณ์เชิงบวก และเกิดภาวะการเล่าปากต่อปากในเชิงเล่าเรื่องราวสินค้าและบริการภายใต้แบรนด์ของคุณให้ถูกจาลึกให้มีภาพลักษณ์ที่ดี
19. Guerrilla Marketing
การตลาดออนไลน์แบบจู่โจมที่เน้นตัวแบรนด์เล่นใหญ่จนสร้างกระแสที่ฮือฮาแล้วสร้างความประทับใจแก่ผู้ชม ให้มีความรู้สึกตราตึงใจจากการสร้างกิจกรรมจากสื่อโฆษณานอกบ้านให้ถูกออกแบบนำเสนออย่างสร้างสรรค์อย่างสื่อ OOH , Billboard หรือสื่อเคลื่อนที่อย่าง รถสาธารณะทุกประเภท มาเป็นสื่อการสร้างโฆษณาสินค้าและตัวแบรนด์ให้ผู้คนได้เห็นและเป็นที่น่าจดจำ เพราะด้วยการนำเสนอโฆษณาคอนเทนต์ที่ใช้ไอเดียใหม่ โดยไม่มีแบรนด์คู่แข่งเจ้าอื่นสามารถคิดค้นไอเดียแบบนี้มาก่อน จะเป็นการสร้างจุดเด่นในการทำคอนเทนต์ภายในแบรนด์ของคุณให้ได้เล่นกระแสกับผู้ชม การเล่นกลยุทธ์วิธีหาลูกค้าออนไลน์นี้จะทำให้ ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีแก่ตัวแบรนด์ ทำให้กิจกรรมที่แบรนด์ได้รังสรรค์ขึ้นมาจะเป็นที่น่าพูดถึงปากต่อปากจนถึงขั้นเป็น การตลาดปากต่อปาก อีกต่างหาก
20. Co-Branding
การหาแบรนด์เจ้าอื่นที่มีชื่อเสียงมาทำงานเพื่อสร้างกลไกลทางธุรกิจร่วมกันนั้น เป็นการสร้างยอดขายกำไรที่ดีแก่ทั้งสองฝ่าย เพราะทั้งสองเจ้าอยากจะทำคอนเทนต์คิดค้นทำผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์เพื่อให้กลุ่มลูกค้าทั้งสองมาร่วมสนุกและตัดสินใจอยากใช้บริการ ยังสร้างภาพลักษณ์ให้ดูมีความน่าเชื่อถือ และยังขยายฐานลูกค้าทั้งสองฝ่ายได้ทำความรู้จักกับแบรนด์ฝ่ายตรงข้ามที่ทำการ Co-Branding ด้วยกันอีก
21. ทำการตลาดแบบ Affiliate Marketing
การว่าจ้างนายหน้าเพื่อนำเสนอการขายสินค้าของคุณ เป็นวิธีหาลูกค้าออนไลน์อีกหนึ่งช่องทางที่ เหล่าเจ้าของแบรนด์สามารถให้นายหน้าสามารถนำเสนอสื่อการโปรโมทสินค้าได้อย่างเต็มที่ โดยกลยุทธฺการหาลูกค้าใหม่ของเหล่านายหน้านั้น จะทำการค้นคว้าและเสนอโปรโมชันการขายสินค้าได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการทำตลาด Cross-selling ที่นำเสนอสินค้าใกล้เคียงกับผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าออนไลน์กำลังกดสั่งซื้อในตระกร้า หรือการทำโปรโมชันซื้อครบกี่บาทจะได้รับส่วนลดจากทางร้านค้าส่วนกลางฟรี ซึ่งเหล่านายหน้าเหล่านี้จะต้องคิดค้นวิธีการหาลูกค้ายังไงก็ได้ให้เข้ามาร่วมซื้อสินค้าในร้านค้าที่พวกเขาเปิดไว้ให้ได้กำไรมากที่สุด เพราะหากทำยอดขายไว้ได้มาก ก็จะได้ค่าว่าจ้างจากเจ้าของแบรนด์มากขึ้นตามจำนวนสินค้าที่ทำยอดขายเช่นกัน
22. Conversational Marketing
การตลาดเชิงสนทนา(Conversational Marketing) คือการใช้นักการตลาดเป็นตัวแทนของแบรนด์ เพื่อเป็นกระบอกเสียงการโน้วน้าวและการนำเสนอให้กับกลุ่มเป้าหมายอย่างเป็นธรรมชาติ โดยการตลาดเชิงสนทนานี้เป็นวิธีการหาลูกค้าออนไลน์แบบใหม่ที่หลายๆนักธุรกิจต่างไว้ใจกันว่า หากธุรกิจการค้าขายสามารถทำความใกล้ชิดกับลูกค้าด้วยการพูดสนทนาการให้กำลังใจ การเชิญชวน และการใช้วาทศิลป์ในการประดิษฐ์รูปประโยคเพื่อบอกประโยชน์จากตัวสินค้าที่นำเสนอ จะเป็นการซื้อใจลูกค้าแล้วเกิดการซื้อ-ขายได้ หากผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์สิ่งที่พวกเขาได้ใช้ไป ก็จะเกิดภาวะการบอกปากต่อปากกันไปเอง โดยที่เหล่านักธุรกิจออนไลน์ไม่ต้องลงทุนจ่ายค่ายิงแอดใดๆ แถมยังได้ฐานลูกค้าที่แน่นอนอีกด้วย
23. จัดโปรโมชันส่งเสริมการขาย
เป็นอีกหนึ่งวิธีที่กระตุ้นการเพิ่มยอดขายจากลูกค้าหน้าใหม่และหน้าประจำเกิดการซื้อ-ขายเพื่อให้เกิดการสร้างยอดขายมหาศาล เพราะการจัดโปรโมชันพิเศษจะช่วยขจัดสินค้าที่มีค้างอยู่ในสต้อกให้ได้ถูกขายออกไปแล้ว ยังสามารถทำการตลาดออนไลน์อย่าง Cross-selling ที่ช่วยจับคู่สินค้าในราคาสุดพิเศษอีกด้วย
24. จัดกิจกรรมการตลาดด้วย Event Marketing
การตลาดโดยจัดกิจกรรมแบบออนไลน์ในเว็บไซต์หรือตามช่องโซเชียลมีเดียต่างๆ และการจัดกิจกรรมรูปแบบออฟไลน์โดยออกพื้นที่ตั้งลานทำคอนเทนต์ในพื้นที่สาธารณะนั้น เป็นการลงทุนที่ใช้ค่าจ่ายสูงแต่แลกกลับมาด้วยแบรนด์จะได้พบกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามาเป็นลูกค้าประจำในอนาคตได้ ด้วยการออกแบบกิจกรรมที่นำเสนอคอนเทนต์ให้ผู้ชมสามารถมีส่วนร่วมการทำกิจกรรมที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับตัวแนวคิดแบรนด์ได้อย่างสอดคล้อง ทำให้ผู้ชมรู้สึกคล้อยตามแล้วเกิดการตัดสินใจมาเป็นลูกค้าของคุณได้ในที่สุด
25. การตลาด Metaverse
กลยุทธ์วิธีหาลูกค้าออนไลน์แบบยุคใหม่ เน้นการโฆษณาสินค้าและบริการจากผสมผสานระหว่างโลกแห่งความจริงและโลกเสมือน ที่ตอบโจทย์การนำเสนอรูปที่น่าตื่นตาแบบใหม่ให้กับผู้คนจำนวนมาก โดยใช้เทคโนโลยีเปรียบเสมือนจริงมาโปรโมทขายของออนไลน์รูปแบบใหม่ เป็นกลไกลการตลาดที่โดดเด่นและแปลกใหม่ เป็นวิธีหาลูกค้าออนไลน์ใหม่ๆที่สามารถสร้างยอดขายและเติบโตได้ในอนาคต